Sunday, February 21, 2010

ย้อนรอยอดีต Mouse มาจากไหน ... ตามไปดู

ผมคิดว่าในที่นี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก Mouse นะครับ ถ้าไม่รู้จักผมคงลำบากใจน่าดูนะ ... วันนี้จะมาเล่าประวัติกันให้ฟัง ว่า Mouse มีต้นกำเนิดมาจากไหน ใครเป็นคนให้กำเนิดและลองทำนายอณาคตกันดูว่าวิวัตนาก ารจะเป็นอย่างไงต่อไป ???

Click the image to open in full size.

ลุงคนนี้ชื่อว่า Dr. Douglas C. Engelbart หรือรู้จักกันในชื่อ Douglas Engelbart ลุง คนนี้ล่ะครับผู้ให้กำเนิด Mouse อุปกรณ์แห่งความสะดวกสบายให้กับโลกนี้ ... เล่าเรื่องของลุง Engelbart แกสักนิดแล้วกัน ถือเป็นการให้เกรียติด้วย ลุง Engelbart เกิดในวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1925 (ราวๆ พ.ศ. 2468) เกิดในรัฐ Oregon ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อโตขึ้นครอบครวก็ย้ายบ้านไป Portland เมื่อย่างเข้า 10 ขวบบ้านก็ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดที่ Johnson Creek ครอบครัวพร้อมหน้ากันอย่างมีความสุข แต่ไม่นานนักบิดาผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวก็จากโลกนี้ไ ป ต่อมาลุงแกก็สำเร็จการศึกษาที่โรงเรียน Portland's Franklin High School ในปี ค.ศ. 1942 และย้ายมาเรียนต่อที่ Oregon State University เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 จบแล้ว ลุงแกก็รับราชการทหารเรือ 2 ปีเป็นเจ้าหน้าที่ประจำ Radar ที่ประเทศ Philippines เมื่อเวลาว่างคุณลุงก็ยิบหนังสือมานั่งอ่าน อ่าน อ่านไปเรื่อยๆ จนเจอหัวข้อ "As We May Think" ("As We May Think" เป็นบทความที่ถูกเขียนขึ้นมาตั้งแต่ปี 1945 คนเขียนคือ Vannevar Bush ซึ่งเป็นผู้บริหารทางวิทยาศาสตร์ระดับสูงในช่วงสงครา ม Bush เขียนบทความนี้เพื่อกระตุ้นให้นักวิทยาศาสตร์หาที่ทา งของตัวเองว่าสงครามจบแล้วจะไปทำอะไรกันต่อ ซึ่งในบทความได้มีการพยากรณ์เทคโนโลยีในอนาคตหลายอย่าง ซึ่ง มาอ่านในสมัยนี้แล้วมันแม่นแบบเหลือเชื่อโดยการท ำนายต่างๆ เทคโนโลยีการเก็บข้อมูลในไมโครฟิล์ม ปัจจัยทางเศรษฐศาสตร์ในการผลิตเทคโนโลยี ระบบวิเคราะห์เสียงด้วย ระบบประมวลผลแบบที่เราใช้ในคอมพิวเตอร์ปัจจุบัน พัฒนาการของหลอดสุญญากาศ และอนาคตของทรานซิสเตอร์ นอกจากพูดถึงคอมพิวเตอร์ในการคำนวณแบบ arithemetic ก็ยังพูดถึง logical operation อีกด้วย) หลังจากที่ลุง Engelbart อ่านแล้ว แกก็เกิดปิ๊ง!!!แสงแห่งนักพัฒนาเริ่มจายออกมาทางแววต า ออกจากราชการทหารแล้วก็เข้าร่วมสมาคม ΣΦΕ (Sigma Phi Epsilon) หลังจากนั้นไม่นานเมื่อตอนย้ายาเรียนที่ Berkeley ลุงเขาได้เป็นหนึ่งในผู้ที่ช่วยงาน California Digital Computer project (CALDIC) จนสำเร็จการศึกษาได้ PhD (ดุษฎีบัณฑิต) ก็สอนอยู่ได้ปีกว่าๆรู้ว่าไม่ใช่แนวของตนก็ออกมาทำวิ จัยตามที่ไฝ่ฟัน จนได้ Mouse ตัวแรก คือ!!!

Click the image to open in full size.

โอ้พระเจ้าช่วยกล้วยแขก 18 หวี !!! ดูแล้วรู้สึกแปลกๆนะครับ แต่นี่ละครับเรียกว่า Prototype เลยก็ว่าได้ ลุง เขาเริ่มเริ่มคิดมาตั้งแต่ ค.ศ. 1951 คิดมาเรื่อยๆ จนมาเป็นรุ่นสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1963 ที่สถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด (Stanford Research Institute) หลังจากการทดสอบการใช้งานอย่างละเอียด แรกๆเขาเรียกว่า "บัก" (bug) ครับ แต่มาหลังๆมองยังไงก็เหมือนหนูมากกว่าแมลงเลยเรียก "เมาส์" แทน มันเป็นหนึ่งในการทดลองอุปกรณ์ชี้ (Pointing Device) สำหรับ Engelbart's oN-Line System (NLS) ส่วนอุปกรณ์ชี้อื่นออกแบบมาเพื่อการเคลื่อนไหวในร่าง กายส่วนอื่นๆ คิดมามากมายมีทั้ง อุปกรณ์ที่ใช้ติดกับคางหรือจมูก แต่ที่นิยมที่สุดคือ Mouse เท่านั้น ... จริงๆไม่ได้มีลุงแกคนเดียวที่คิดค้นนะ ยังมีอื่นๆด้วย แบบ Trackball ของ Tom Cranston, Fred Longstaff และ Kenyon Taylor

Click the image to open in full size.

ใครชอบเล่น Red Alert ทุกภาคนะครับ มองรูปนี้แล้วผมว่าคุณจะต้องนึกถึง Iron Curtain แน่ๆ

เมาส์ตัวแรกนั้นเทอะทะ และใช้เฟือง 2 ตัววางในลักษณะตั้งฉากกัน การหมุนของแต่ละเฟืองจะถูกแปลไปเป็นการเคลื่อนที่บนแ กนในปริภูมิ 2 มิติ เท่านั้น ลุง Engelbart ได้รับสิทธิบัตรเลขที่ US3541541 ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 1970 ชื่อ "X-Y Position Indicator For A Display System" (ตัว ระบุตำแหน่ง X-Y สำหรับระบบแสดงผล) ในตอนนั้นเอง ลุงแกตั้งใจจะพัฒนาจนสามารถใช้เมาส์ได้ด้วยมือเดียว ... แสดงว่า Mouse ในยุคแรกต้องใช้ 2 มือเลยหรือเนี่ย !!! หรือว่าจะเป็ยนแบบนี้

Click the image to open in full size.

ต่อมาเมาส์เริ่มพัฒนาในช่วงต้นทศวรรษที่ 1970 โดย บิล อิงลิช (Bill English) ที่ศูนย์วิจัยของบริษัท ซีรอกส์ (Xerox PARC) โดยแทนที่ล้อหมุนด้วยลูกบอลซึ่งสามารถหมุนไปได้ทุกทิศทาง การเคลื่อนไหวของลูกบอลจะถูกตรวจจับโดยล้อเล็ก ๆ ภายในอีกทีหนึ่ง เมาส์ชนิดนี้คล้าย ๆ กับแทร็กบอล และนิยมใช้กับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลตลอดทศวรรษที่ 1980 และ 1990 ทำให้การใช้เมาส์และคีย์บอร์ดในเวลาเดียวกันสามารถเป ็นจริงได้ ... จะว่าไปแล้วนะครับ Mouse เริ่มดูมีค่ามากขึ้นเมื่อคอมพิวเตอร์เริ่มมี Graphic ที่ดีขึ้น จากที่ผมเคยดูหนังเรื่อง Pirates of Silicon Valley มาคราวๆ Graphic User Interface (GUI) รุ่นแรกๆมาจาก Xerox ล่ะครับ แต่ดันไม่ดัง จน Steve Job มาเห็นแล้วเอาไปทำให้ดังยิ่งขึ้น ก็เหมาะแล้วล่ะครับที่ Xerox จะทำ Mouse มาเพื่อใช้กับ GUI

Click the image to open in full size.

ไปหามาดูนะครับ พากไทยคงไม่มีนะ แต่ความรู้มากมาย (ถ้าไม่หลับไปสะก่อน)

Click the image to open in full size.

Apple Macintosh Plus Mouse (ค.ศ. 1986) มีปุ่มเดียวนะครับ

เมาส์ในปัจจุบันได้รับรูปแบบมาจาก École polytechnique fédérale de Lausanne (EPFL) ภายใต้แรงบันดาลใจของ ศาสตราจารย์ Jean-Daniel Nicoud (ลุงคนซ้าย) ร่วมกับวิศวกรและช่างนาฬิกาชื่อ André Guignard (ลุงคนขวา)

Click the image to open in full size.

ซึ่งการดำเนินงานครั้งนี้ทำให้เกิดบริษัท โลจิเทค (Logitech) ผลิตเมาส์ที่ได้รับความนิยมสูงเป็นยี่ห้อแรก ... จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังนิยมสูงสุดอยู่ดีครับ

Click the image to open in full size.

ลักษณะการทำงานของเมาส์ (แบบลูกกลิ้ง)
  1. เมื่อเคลื่อนเมาส์ ลูกบอลด้านล่างจะหมุน
  2. จานหมุนสองแนว จับการเคลื่อนไหวของลูกบอล
  3. เมื่อจานหมุนทำการหมุน รูบริเวณขอบจานหมุนหมุนตาม
  4. แสงอินฟราเรด ส่งผ่านรูจานหมุน
  5. เซนเซอร์อ่านค่า และส่งเป็นค่าของความเร็วการเคลื่อนไหวในแนวแกน X และแกน Y
ผ่านมาแล้วนะครับ Mouse แบบลูกกลิ้งหรือลูกบอลยุคเก่าที่เหล่า Gamer รุ่นเก่าเล่นกัน ผมจำได้เมื่อตอน 10 ขวบกว่าๆ ก็ว่า Mouse ลูกบอลนี่เยี่ยมที่สุดในยุคนั้นเลย จะเล่น Dune, Warcraft, Duke Nukem 3D, Raptor, Tyrain หรืออื่นๆ ก็สะบาย อีกอย่างที่จำได้คือเด็กประถม-มัธยมชอบหมุนเอาลูกบอลกลับบ้าน ไม่รู้ทำไปทำไม พอคนต่อไปจะมาใช้ต่อก็ต้องงงว่าทำไม่ขยับไม่ได้ ... เวลาเก่าๆก็ผ่านไปแล้ว มันปัจจุบันนี้ Mouse ไม่มีลูกบอลแล้วครับ กลายเป็นแสงแทน ไปดูต่อกันครับว่าเป็นยังไง

ในขณะเดียวกันก็ได้มีการพัฒนาเมาส์อีกรูปแบบนึงนั่นก ็คือ ออปติคอลเมาส์ (optical mouse) ซึ่งใช้หลักการในการตรวจจับการเคลื่อนไหวโดยใช้เซนเซอร์แ สงที่อยู่ใต้เมาส์ ร่วมกับแอลอีดี ออปติคอลเมาส์ในยุคแรก ๆ ประดิษฐ์โดย สตีฟ เคิร์ช (Steve Kirsch) คนในรูปล่างนะครับที่บริษัท Mouse Systems Corporation

Click the image to open in full size.

ซึ่งสามารถใช้ได้บนเมาส์แพด (mouse pad) ที่มีพิ้นผิวเป็นโลหะเฉพาะเท่านั้น แต่เมื่อคอมพิวเตอร์มีราคาถูกลง ออปติคอลเมาส์จึงได้ถูกใส่ชิปสำหรับประมวลผลภาพ (image processing chips) เข้าไป ซึ่งทำให้สามารถใช้ได้บนพื้นผิวหลายชนิดมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องใช้เมาส์แพดอีกต่อไป

หลักการของเมาส์แบบที่ไม่ต้องใช้เมาส์แพด คือ การ ใช้เซ็นเซอร์ในการตรวจจับการเคลื่อนที่ของพื้นผิว ที่เกิดจากการใช้แอล อีดีส่องไปที่พื้นผิว และจะถูกส่งต่อไปที่ส่วนประมวลผลภาพเพื่อที่จะแปลงไป เป็นการเคลื่อนไหวบนแกน X และ Y โดยจะประมวลผลถึง 1512 เฟรมต่อวินาที ซึ่งในแต่ละเฟรมเป็นมีขนาด 18*18 พิกเซล และแต่ละพิกเซลมีระดับความเข้มที่แตกต่างกันได้ถึง 64 เฉด (ตามหลักฟิสิกละครับ : มุมตกกระทบ Incidence = มุมสะท้อน Reflect) เมาส์แบบนี้มักจะสับสนกับเลเซอร์เมาส์ (laser mouse) และกลายเป็นมาตรฐานในปัจจุบันเนื่องจากความแม่นยำที่ มีมากกว่าเมาส์แบบลูก กลิ้ง

ปริมาณความต้องการออปติคอลเมาส์ ส่วนหนึ่งมาจากนักเล่นเกมแนว First Person Shooter (FPS) หรือเกมเดินยิง ซึ่งต้องการความแม่นยำสูงในการเล็งโดยใช้เมาส์ ... นึกแล้วถ้าผมไปหยิบ Mouse ลูกบอลโบราณมาเล่น Crysis ผมคงไม่รอดแน่

ต่อมาในปี ค.ศ. 2004 Logitech จับมือกับ Agilent Technologies ได้นำเลเซอร์เมาส์เข้าสู่ตลาด เมาส์ชนิดนี้ใช้แสงเลเซอร์แทนแอลอีดีแบบเก่า เทคโนโลยีแบบใหม่สามารถเพิ่มรายละเอียดของภาพที่ถูกป ระมวลผลในเมาส์ได้อีก ถึง 20 เท่าเลยทีเดียว

แต่พูดถึงเกม FPS แล้ว เขาก็มีคนผลิต Mouse หน้าตาแปลกๆ ไว้สำหรับเกมแนวนี้โดยเฉพาะ นี่ครับ มันมีชื่อว่า Zalman FPS-GUN เคยเห็นคนใช้ๆกันอยู่ก็หลายคนนะ แต่เขาก็บอกว่ายังไงก็ถนัดมือสู่ Mouse แบบเดิมไม่ได้ ...

Click the image to open in full size.

การเชื่อมต่อระหว่าง Mouse และ Computer จากอดีตสู่ปัจจุบันเท่าที่นับได้ก็มีเท่าที่เห็น 8 แบบนะครับ ดังนี้

Click the image to open in full size.

เช่นเดียวกับอุปกรณ์ input อื่น ๆ เมาส์ก็ต้องการการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อที่จะ ส่งข้อมูลไปให้ คอมพิวเตอร์ เมาส์ทั่ว ๆ ไปจะใช้สายไฟ เช่น RS-232C, PS/2, ADB หรือ USB โดยปัจจุบันที่นิยมใช้ที่สุด จะเป็น PS/2 และ USB ซึ่งค่อนข้างจะเกะกะ จึงมีผู้ประดิษฐ์เมาส์ไร้สายโดยส่งข้อมูลผ่าน อินฟราเรด, คลื่นวิทยุ, หรือ บลูทูธแทน (เรียงลำดับซ้ายมาขวานะครับ)

ลองนั่งนึกดูแล้ว อณาคต Mouse เราจะเป็นอย่างไงต่อไป Mouse อาจจะหมดความนิยมแล้วหันมาใช้ TouchScreen แทนก็มีโอกาศเป็นไปได้ ใช้ปากกาแทน Mouse แบบ Bamboo Fun หรือเราอาจจะใช้กล้อง Web-camera มาควบคุม Cursor แทน (ขอโม้สักนิดแล้วกันว่าเป็นไปได้นะครับ เพราะผมสามารถเอา Web-camera มาแทน Mouse แล้ว รู้สึกใช้ดีกว่า Mouse ด้วยในบางกรณีนะ แบบเล่น House Of Dead) หรือว่า Mouse จะกลายเป็น Remote แบบ Wii Remote ก็เป็นไปได้นะ ... แต่ตอนนี้ยังไงเราก็ถนัดการใช้ Mouse มากที่สุด โดยเฉพาะสำหรับเล่นเกม

By : Hitzuja (hitzujaa@hotmail.com)
ดูความรู้เก่าๆได้ที่ [Hitzuja 's Knowledge-based]

Credit : http://th.wikipedia.org/wiki/เมาส์ , http://en.wikipedia.org/wiki/Mouse_%28computing%29 , http://www.isriya.com/node/1706/as-we-may-think (Blog ของคุณIsriya Paireepairit aka. mk) , แรกเริ่มเรื่อง DOS for Dummies (โดย Dan Gookin / เรียบเรียงโดย นภดล เวชสวัสดิ์), http://www.pctechguide.com/51InputDe...Laser_mice.htm

* ถ้าคุณคิดว่านี่คือความรู้ที่ดี ผมอนุญาติให้นำไปเผยแพร่ที่อื่นๆได้ แต่ผมขออย่างเดียว คือ ช่วยใส่ Credit ตามของผมและชื่อ Hitzuja ด้วยครับ ... ขอบคุณมากครับ

No comments: